Archive for September, 2013

ใช้ GMail ให้สนุก ต้องเข้าใจ Label

Posted on Tuesday, September 24th, 2013 at 2:22 pm

เนื่องมาจากมีน้องสาวท่านหนึ่งทวีตว่า

Screenshot (30)

ทำให้รู้ว่าหลาย ๆ คนยังไม่เข้าใจหลักการของ label ใน GMail ถึงแม้ว่าจะเปิดบริการมาแล้วเกือบสิบปี

ถ้าให้อธิบายสั้น ๆ สำหรับคำถามของน้องเขาก็คือ ทุกอย่างใน GMail เป็น label และทั้ง inbox/folder ทั้งหลาย ก็เป็น label ทั้งนั้น

หรืออีกในหนึ่ง ใน GMail ไม่มี inbox/folder นั่นเอง

 

 

ก็ขอย้อนอดีตนิดหนึ่ง อีเมลแต่ดั้งเดิมนั้น ได้แนวคิดมาจากการส่งจดหมายจริง ๆ (หรือที่มักจะเรียกกันว่า Snail Mail) ที่ว่าพอจดหมายมาถึง เราก็จะเอาจดหมายมาจัดแยก เช่นถามผู้รับ หรือตามหัวข้อ ซึ่งช่องหรือสิ่งที่ใช้เก็บจดหมายนั้น ภาษาอังกฤษก็จะเรียกว่า Folder ดังนั้น ในโปรแกรมอีเมลดังเดิม ก็จะมี folder ไว้ให้ เพื่อให้ผู้ใช้ระบุว่า จะเก็บอีเมลของตัวเองที่ไหน เช่น จดหมายเจ้าจะอยู่ใน Inbox ซึ่งถ้าอ่านแล้ว คิดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับงาน เราก็จะย้ายจาก Inbox ไปใส่ Business เป็นต้น แล้ววันหลัง พอเราอยากจะหาจดหมายฉบับดังกล่าว ก็จะเขาไปดูใน Business แล้วอาจจะสั่งให้มันเรียงตามวันส่ง เรียงตามผู้ส่ง หรือตามหัวข้อ ซึ่งไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ขบวนการทั้งหมด ก็เลียนแบบมาจากการส่งจดหมายจริง ๆ

 

แต่จดหมายต่างจากอีเมลตรงที่ว่า มันอยู่ได้เพียงที่เดียว แต่อีเมลเป็นข้อมูลอีเล็คทรอนิกส์ มันไม่จำเป็นต้องอยู่ที่เดียวก็ได้ นั่นคือที่มาของระบบ label ใน GMail

 

label ใน GMail นั้น สามารถถูกำหนดให้กับอีเมลไหนก็ได้ และอีเมลหนึ่ง ๆ จะมีหลาย label ก็ได้ ซึ่งจะทำให้การจัดการอีเมลมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ลองดูรูปด้านล่าง

Screenshot (23)

ด้านซ้ายมือที่เขียนไว้ว่า A ในโปรแกรมอีเมลดั้งเดิมจะเป็นรายการของ folder แต่ใน GMail รายการดังกล่าวคือรายการของ label ที่เราเลือกให้มาแสดง ดังนั้น ถ้าเรากดเลือกตรง Starred แล้ว GMail ก็จะแสดงอีเมลทั้งหมดที่มี label Starred กำหนดอยู่ หรือถ้าเรากดเลือก Important เขาก็จะแสดงรายการอีเมลที่มี label Important กำหนดอยู่ ดังนั้นถ้าอีเมลใด มี label มากกว่าหนึ่งอัน มันก็จะไปโผล่ในหลาย ๆ ที่ได้

Screenshot (24)

ซึ่งรายการ label ด้านซ้ายนี้ เราสามารถระบุได้ว่า จะให้แสดงอะไรบ้าง โดยระบุใน Settings ซึ่งพอเข้าไป จะเห็นได้ชัด จากรูปที่เขียนไว้ว่า B ว่า นี่ไม่ใช่ folder list แต่เป็น label list โดยเราสามรถที่จะเลือก show hide หรือ show if unread ได้ โดย show if unread หมายความว่า ถ้ามีอีเมลที่ยังไม่ได้อ่าน และมี label ดังกล่าวอยู่ ชื่อ label ดังกล่าวก็จะแสดงใน label list

Screenshot (25)

นอกจากนั้น เรายังทำ label แบบ nested ได้ด้วย เช่น ในรูป ตรงที่เขียนไว้ว่า C/D จะเห็นว่า 261102 จะอยู่ภายใต้ CPE ดังนั้น อีเมลได้ที่ถูกกำหนด label 261102 ก็จะได้รับ label CPE ไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งเราสามารถทำ nested แบบหลายชั้นได้

Screenshot (26)

ปัญหาหนึ่งของการทำ label หรือ tag คือการที่เราขี้เกียจใส่ label/tag ซึ่ง GMail ก็ใช้วิธีการให้เราสร้าง filter ได้ โดยถ้าอีเมลใดตรงกับ filterก็จะสามารถกำหนด Action ต่าง ๆ ที่รวมถึงการใส่ label ได้ เช่นในรูปด้านบน ตรงที่เขียนไว้ว่า E ผมสร้าง filter ที่บอกว่า ถ้ามีอีเมลใดที่มาจาก mailing list ที่จัดการโดย tccc.list.cs.columbia.edu ก็จะไม่ต้องเอาใส่ใน Inbox และให้ใส่ label Conf เข้าไปเลย

หมายเหตุ: ใน GMail จะมี label ของ system อยู่สองสามตัวที่จะทำงานโดยอัตโนมัติ เช่น All Mail จะเป็น label ที่กำหนดให้กับอีเมลทุกอัน และไม่สามารถลบได้ Inbox จะเป็น label ที่ถูกกำหนดให้กับอีเมลที่เพิ่งได้รับโดยอัตโนมัติเป็นต้น

Screenshot (27)

การสร้าง filter ก็ทำไม่อยาก เพราะมันเป็น rule base แบบ match/action ธรรมดา โดยขั้นแรกเราจะกำหนดเงื่อนไขก่อนว่า อีเมลได้จะถูกกรองโดย filter นี้ ซึ่งอาจจะมาจากชื่อผู้ส่ง หัวข้อ หรือว่าเนื้อความก็ได้ (ซึ่งก็เป็นเหตุให้ Google ถูกบ่นว่าแอบอ่านอีเมลของผู้ใช้อยู่) ตามรูปด้านบน ตรงช่อง F

Screenshot (28)

เมื่อกำหนด match condition แล้ว ก็จะมากำหนด action ซึ่ง มีมากมาย ตามรูปด้านบน ช่อง G ซึ่งถ้านั่งดูดี ๆ เกือบทั้งหมด เป็นการกระทำที่เกี่ยวข้องกับ label ทั้งนั้น

ฟหกดฟหกด

หรือว่าถ้าอยากกำหนด label เอง ก็ทำได้ โดยที่ toolbar ด้านบน จะมีรูป label/tag อยู่ ก็กดเลือกตรงนั้น แล้วมันจะแสดงตามพื้นที่ H ก็กดเลือก label ที่ต้องการได้เลย ใช้ได้ทั้งในหน้าอ่านจดหมาย และหน้าแสดงรายการจดหมาย

ซึ่งถ้าเราใช้ label จนคล่องแล้ว ก็อาจจะพลิกแพลงได้ เช่น ใช้ทำ GTD เป็นต้น

GMail ได้เปลี่ยนวิธีการจัดการอีเมลให้เข้ากับโลกสมัยใหม่มากขึ้น ในเมื่อไม่มีความจำเป็นต้องใส่อีเมลเข้าไว้กับ folder ใด folder หนึ่งอีกต่อไปแล้ว ดังนั้น ก็ขอให้ลืมไปเลยว่า ต้องแยกจดหมายโดยใช้ folder แต่เปลี่ยนไปใช้การกำหนด label ให้กับจดหมายแทน แล้วแยกจดหมายตาม label เอา ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเรื่อง label เท่านั้น ที่ GMail เปลี่ยนวิธีการจัดการอีเมล แม้แต่การจัดการรายการอีเมล GMail ก็เปลี่ยนจากการ sort เป็นการ search แทน นั่นคือแทนที่เราจะต้องเรียงจดหมายตามผู้ส่ง ตามวันที่ส่ง หรือตามหัวข้อ เพื่อหาอีเมลที่ต้องการ GMail ก็บอกเราว่า ฉันจะเรียกตามวันที่ได้รับเท่านั้น ส่วนถ้าต้องการหาอีเมลอะไร ก็ search เอาสิ ซึ่งการใช้ label ก็เพื่อให้การ search ทำได้อย่างมีพลังอีกด้วย

ทั้ง label และการจัดการรายการอีเมลโดยการ search ก็มาจากธรรมชาติของบริษัท Google ที่เป็น search engine company นั่นเอง

วัดห่างหน้าบ้าน

Posted on Thursday, September 19th, 2013 at 11:24 pm

เดือนก่อน ที่บ้านผม(ตรงที่ลูกศรสีเหลืองชี้อยู่ คลิกที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่ได้) เห็นคนแปลกหน้ามาเต็มไปหมด มีเสียงเหมือนกำลังถางป่า แถมอีกวันมีกองไฟโผล่ขึ้นกลางป่าตรงข้ามบ้าน พร้อมกับเต้นท์สีน้ำเงินอีกหลายหลัง ด้วยความสงสัยเลยเดินเข้าไปถาม ได้ความว่า ชาวบ้านช่างคำหลวง ซึ่งเป็นหมู่บ้าน(ชาวบ้าน)ที่ติดกับหมู่บ้าน(จัดสรร)ผม กำลังถางป่าเพราะแถวนั้นมีวัดห่างอยู่ ก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่า ในป่าตรงข้ามบ้านมีกองอิฐและศาลพระภูมิหักกองอยู่ใต้ต้นไม้ คิดไว้ว่าคงเป็นแค่จอมปลวกใหญ่ที่ชาวบ้านเอาพระเศียรหักหรือศาลพระภูมิเก่ามาทิ้ง ไม่คิดว่าจะเป็นวัดห่าง

หลายคนอาจจะสงสัยว่าวัดห่างคืออะไร วัดห่างเป็นคำเมือง ถ้าคำไทยก็คือวัดร้างนั่นเอง ในประเทศไทย จะมีวัดร้างอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในรูปของกองอิฐกองดิน ที่ชาวบ้านมักจะเอาศาลไปวางไว้ แถว ๆ บ้านผม เท่าที่รู้ก็คือ 4 ที่ และมีที่ไม่รู้อีกเยอะ
1243922_10151670476909582_1929040839_o

ชาวบ้านนอกอีกว่า พ่อหลวง กับ ท่านวัดช่างคำหลวง(ลูกศรสีแดง) พาชาวบ้านมาหักล้างถางพง แล้วอาจจะสร้างศาลอะไรสักอย่าง (ลูกศรสีเขียว) ด้วย

พอคุย ๆ ไป ชาวบ้านก็เล่าให้ฟังอีกว่า สาเหตุที่อยู่ดี ๆ ชาวบ้านมาช่วยกันหักร้างถางพงก็เพราะว่าช่วงก่อน มีชาวบ้านหลายคน เห็นดวงไฟแดง ๆ ลอยจากบริเวณนี้ เข้าไปในหมู่บ้าน ก็คงเริ่มกลัวกัน แต่มีคนเฒ่าคนแก่บอกว่า ถ้าเห็นให้ยกมือไหว้แล้วบอกว่า ถ้าเป็นวิญญาณดี ก็ขอให้ลอยขึ้น แล้วดวงไฟก็ลอยขึ้นจริง ๆ ชาวบ้านก็เลยคาดเดาว่า น่าจะเป็นธาตุที่อยู่ที่วัดนี้ พ่อหลวงวัดช่างคำหลวง ก็เลยระดมชาวบ้านมาปัดกวาดทำความสะอาด และนิมนต์พระมาทำพิธี พร้อมกับตั้งศาลพระพุทธรูป ตามรูปด้านล่าง
WP_20130901_001

 

ซึ่งศาลที่ว่านี้ อยู่ตรงประตูห้องนั่งเล่นพอดี เรียกว่าถ้าเปิดประตูห้องนั่งเล่น มองข้ามถนนไป ก็จะเห็นศาล นับว่า อุ่นใจดีนัก

เรื่องสุดท้ายที่ชาวบ้านเล่าให้ฟังคือ บริเวณนี้ชาวบ้านเรียกว่า สันเพด ซึ่ง สัน ก็คือพื้นที่ ๆ ที่ดินดอน หรือที่มีกองดินอยู่ ในที่นี่ก็คือกองอิฐของวัดร้างที่มีดินถม มันก็จะเป็นสันดินขึ้นมา ส่วน เพด ก็คือ เปรต นั่นเอง คงไม่ต้องอธิบายอะไร โดยชาวบ้านบอกว่า ปกติจะไม่มีใครเข้ามาในบริเวณนี้เลย ตอนที่หมู่บ้านผมมาซื้อที่ดินแถวนี้ ชาวบ้านก็ขอให้สงวนพื้นที่ตรงนี้ไว้เป็นที่สาธารณะ ดังนั้น หมู่บ้านก็เลยตัดแปลงที่ดินให้ล้อมพื้นที่ตรงนี้เอาไว้ ก็สงสัยอยู่ว่า ใครจะกล้ามาสร้างบ้าน

มีคนถามอยู่เหมือนกันว่า ไม่กลัวเหรอ ก็ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ไม่ได้เอาขยะไปทิ้งไม่เคยเอาหมาไปขี้เรี่ยราด ทำอะไรก็ยกมือไหว้บอกไป ทั้งเจ้าที่ที่เป็นคนและไม่ใช่คน เขาก็คงเอ็นดูเราอยู่บ้างแหละ ผมอยู่นี่มาสามปีกว่าละ ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ไม่เคยเจอเหตุการณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น คนที่มาบ้านก็ไม่เคยเจออะไร เงียบสงบดี

โดยส่วนตัวแล้ว ผมกลัวขโมยมากกว่ากลัวผีนะ 😛 แล้วถ้ามีวัดห่างอยู่หน้าบ้านแล้วขโมยไม่กล้วขึ้นบ้านเพราะกลัวผี ผมว่าก็โอเคเลยนะ 😀

Tiny orange

Posted on Monday, September 16th, 2013 at 6:35 pm



night traveler

Posted on Monday, September 16th, 2013 at 4:54 pm



Office 365 University

Posted on Sunday, September 15th, 2013 at 9:27 am

หลังจากใช้ iPad เป็นเครื่องหลัก พกไปทำงานอยู่สักพักก็พบว่า มันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ด้วยสามเหตุผลคือ 1. Microsoft Word 2. Microsoft Excel 3. Microsoft Powerpoint นั่นคือชีวิตของผมได้เปลี่ยนมาเป็น Document Engineer ในภาคกลางวันอย่างเต็มตัวแล้ว T_T และ iPad ก็ยังมีข้อจำกัดอื่น ๆ เช่น เขียนโปรแกรมไม่ได้ เป็นต้น จึงถึงเวลาต้องเปลี่ยนไปใช้ตัวอื่นแทน โดยผมมี Criteria ดังนี้

  1. แบตอึด อย่างน้อยต้องได้เกิดหนึ่งวันแบบสบาย ๆ เนื่องจากพอใช้ iPad ซึ่งแบตอึดมาก ใช้ได้เกิน 1-2 วันแน่ ๆ ซึ่งก็ต้องแลกกับประสิทธิภาพแน่นนอน เพราะพวก Core i3/5/7 อยู่ได้ไม่ถึงครึ่งวันแน่ ๆ
  2. ต่อ 3G ได้ อันนี้ก็มาจาก iPad เช่นกัน ทำให้เสียนิสัย ต้องต่อเน็ตตลอดเวลา
  3. ใช้งาน Microsoft Office ได้ ซึ่งก็หมายความว่า ต้องเป็น Windows ถึงแม้ว่าจะมี Libre/OpenOffice ให้ใช้บนแพลตฟอร์มอื่น ๆ แต่ถ้าต้องทำงานเอกสารเยอะ ๆ ร่วมกับพวก Microsoft Office แล้ว จะพบว่าปวดหัวมาก จึงยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก
  4. เป็น Tablet ได้ สามารถเอาไปใช้บนโซฟาได้

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงเป็นที่มาของการถอย Acer W511 มาใช้ พร้อมกับ Windows 8 ซึ่งตัวนี้ ใช้งานได้ตามข้อ 1, 2, 4 ด้านบนแบบสบาย ๆ

ส่วนข้อ 3 นั้น ก็มีอยู่สองสามทางเลือกคือ 1. ใช้ของเถื่อน 2. ซื้อ Office แบบกล่อง 3. ซื้อ Office 365 เมื่อลองเช็คดูแล้ว Office 365 นั้น ผมสามารถซื้อแบบ Office 365 University ซึ่งสนนราคาก็คือ 2,199 บาท สำหรับสี่ปี ความหมายก็คือ ผมไม่ได้ซื้อ Office ขาดแบบซื้อกล่อง แต่ซื้อแบบ Subscription ซึ่งถ้าหมดสี่ปี ผมก็ต้องจ่ายอีกรอบ

หลายคนอาจจะไม่ชอบรูปแบบนี้ เพราะว่าไม่ได้ซื้อขาด แล้วต้องเสียเงินเรื่อย ๆ แต่ในอีกแง่หนึ่ง การซื้อแบบ Subscription ก็มีข้อดีคือ ถ้า Microsoft ออก Office รุ่นใหม่ ผมก็จะได้ใช้รุ่นใหม่น้นทันทีโดยไม่ต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ และจากประวัติ จะเห็นว่า Microsoft ได้ออกรุ่นใหม่ดังนี้ 2001 -> 2003 ->2007 -> 2010 -> 2013 ซึ่งถ้าดูแบบนี้ ผมน่าจะได้ใช้รุ่นใหม่อีกรุ่นหนึ่ง น่าจะไม่ 2015 ก็ 2016 และถ้ามาคำนวณค่าใช้จ่ายแล้ว 2,200 บาท ใช้ได้สองเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น Windows หรือ Mac และใช้ได้ 4 ปี ก็คือถ่าโคตรคุ้มนะครับ คุ้มกว่าโปรแกรมเถื่อนอีก เพราะว่าได้ Update อัตโนมัติตลอดเวลา ได้ Skydrive เพิ่ม ได้ Skype minute อีกนิดหน่อย

พอใช้งานไป ก็พบว่ามันคือ Office 2013 ที่ทำ Integrate เพิ่มกับ Skydrive ซึ่งก็สะดวกมาก สำหรับคนที่ใช้คอมพ์หลายเครื่อง และถ้าใช้ Windows Phone ก็จะยิ่งสะดวกไปใหญ่ ตัว Office ก็ทำงานได้ดีตามที่ควรจะทำงานได้ ยิ่ง ๆ หลัง ๆ ใช้ Word, Office, Excel ทุกวัน ก็ยิ่งเห็นว่า มันดีกว่าไปนั่งทำบน Google Docs เยอะ เพราะถึงแม้เน็ตจะล่ม ก็ยังทำงานได้

สรุปว่า คุ้มครับ

little me

Posted on Thursday, September 12th, 2013 at 3:40 pm

little you

— flower from Chez Marco restaurant, Chiang Mai.

หนึ่งเดือนกับ Nokia Lumia 720

Posted on Sunday, September 1st, 2013 at 7:12 pm

หลังจากเปลี่ยนจาก galaxy note 1 มาเป็น Nokia Lumia 720 ได้สักเดือนหนึ่ง ก็ได้เวลามาบันทึกประสบการณ์การเปลี่ยน platform (ครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้) ก็ขอสรุปมาเป็นข้อ ๆ ละกัน

  1. การตอบสนองดีกว่า android มาก ถึงแม้ว่าจะเป็นโทรศัพท์ที่ spec ค่อนข้างต่ำ มี ram แค่ 512m เวลาเปลี่ยน app ไปมาก็จะมีจังหวะที่ต้องรอ resume บ้าง แต่ความเจ๋งของ wp8 คือ เราสามารถคาดเดาได้ว่า จะต้องรอ resume นานแค่ไหน เช่น ไม่เกินสามอึดใจ ก็จะไม่เกินนั่นจริงๆ และ app หลักแบบ Caller ก็จะโผล่มาเสมอเมื่อเรียกใช้ เมื่อเทียบ android ซึ่ง spec ดีกว่า แต่มีอาการค้างกลางอากาศแบบคาดเดาไม่ได้อยู่เสมอ แม้แต่กับ app หลัก แบบ Caller และก็ไม่เกี่ยวกับจำนวน app ที่ติดตั้งด้วย เพราะถึงแม้จะ flash ROM ใหม่ ไม่ลงโปรแกรมอะไรเพิ่มเลย ก็ค้างได้เหมือนกัน เฉพาะข้อนี้ข้อเดียว ก็ทำให้ประสบการณ์การใช้งานบน wp8 เป็นสุขกว่าไหนๆ
  2. การออกแบบ UI ที่ง่ายและคาดเดาได้ เช่น ปุ่ม Back ก็จะ Back เสมอ รวมถึงการออกแบบให้เป็น tab-based interface ที่ใช้การปัดซ้ายขวาเพื่อเปลี่ยนหน้า ทำให้การใช้งานไม่ต้องเดา หรือจำว่าโปรแกรมนี้ใช้งานอย่างไร
  3. แบตอึดมาก ตอนสมัยใช้ Note 1 ถ้าใช้หนัก ๆ เช่น เปิดหน้าจอทำงานตลอด แบตจะอยู่ได้ครึ่งวันเป็นอย่างมาก และถึงแม้จะแทบไม่ได้ใช้เลย แบตก็อยู่ได้ไม่ถึงเย็น ดังนั้น ต้องพก power bank ติดตัวเสมอ และต้องหาที่ชาร์จแบตไปทิ้งไว้ตามที่ต่าง ๆ เทียบกับ Nokia Lumia 720 ซึ่งแบตใช้งานหนักอย่างไร ก็อยู่ได้เต็มวัน ยิ่งถ้าวันไหนใช้ไม่เยอะ จะอยู่ได้ข้ามวันด้วยซ้ำ ดังนั้น power bank ก็เลิกใช้ไปเลย ส่วนที่ชาร์จ ก็มีไว้ที่บ้าน เอาไว้ชาร์จตอนก่อนนอนก็พอ
  4. กล้องที่ไว้ใจได้ และถ่ายได้ไว ที่ว่าไว้ใจได้คือ พอกดปุ่ม shutter ที่สันเครื่อง โปรแกรมกล้องจะขึ้นมาพร้อมถ่ายภายใน 1-2 อึดใจ ในขณะที่สมัยใช้ Note1 พอเรียกกล้อง ก็ต้องลุ้นว่ามันจะขึ้นมาไหม บางทีภาพจากกล้องมาแล้ว แต่พวก control ต่าง ๆ ไม่ยอมขึ้น ก็กดถ่ายไม่ได้อยู่ดี น่าช้ำใจนัก ภาพที่ได้จากกล้องของ Nokia ส่วนใหญ่ (90%) อยู่ในขี้นดี ใช้งานได้เลย โดยไม่ต้องแต่งอะไร
  5. โปรแกรมต่าง ๆ มีพอใช้งาน ปกติผมไม่เล่นเกมในมือถืออยู่แล้ว (หลัง ๆ แทบไม่ได้เล่นเกมเลย T_T ไม่ว่าที่ไหน) พวกโปรแกรมใช้งานต่าง ๆ เช่น Evernote, Mail, Calendar, GChat, Office ก็มีให้ใช้หมด เลยไม่มีปัญหาอะไร พวกไฟล์ต่าง ๆ ก็ย้ายมาอยู่บน Skydrive ก็หมดปัญหาแล้ว โปรแกรม Mail ใช้งานได้ดี และใช้ง่าย โดยเฉพาะ Linked inbox ที่ทำให้เช็คเมลหลาย Account จากหน้าเดียวได้เลย การอ่านเมล ลบเมล จัดการเมล ก็สะดวกดี แต่โปรแกรม Calendar อยู่ในขั้นแย่ หน้า Month View ไม่รู้จะมีไว้ทำไม เพราะใช้งานอะไรไม่ได้เลย หน้า Week View ก็ไม่มี ทำให้เวลาจะหาเวลาว่าง เวลาเดียวกันติดกันหลายวัน ต้องเลื่อนหน้า Day View ไปมา แล้วจำเอาเอง ไว้ว่าง ๆ ค่อยหาโปรแกรม Calendar ดี ๆ มาใช้ พวก Social network ต่าง ๆ ก็ใช้งานได้ครบดี
  6. Hub ทั้งหลาย ก็ใช้งานได้จริง อย่าง Friend Hub กดเข้าไปดู ก็เห็น update ของเพื่อนทั้งหมด เป็นต้น
  7. WP8 เอง ก็ใช้งานได้ดี ฟีเจอร์บางตัวก็ยังมาไม่ครบ (เช่น ปิดโปรแกรมจากหน้า task list ไม่ได้ ต้องกด Back รัว ๆ เอา) แต่นอกนั้น ก็ถือว่าเป็น OS ที่ใช้งานง่าย และเสถียรดี ก็รอ GDR2/3 กันไป
  8. ตัวเครื่อง ออกแบบได้ดีและดูทนตามมาตรฐาน Nokia โดยส่วนตัว ชอบ Nokia N9 มาก สาเหตุหนึ่งที่เลือกตัวนี้ ไม่เอา 920 ก็เพราะการออกแบบตัวเครื่องในทรงเดียวกับ N9 นี่แหละ
  9. ปัญหาหลัก ๆ ที่เจอคือ Notification แบ่งเป็นสองกรณีคือ อันแรก Notification มาซ้ำ ๆ จะเป็นปัญหาของ FB โดยจะมาช้ามาก (เช่นข้ามอาทิตย์) และมาซ้ำ ๆ เหมือนฝั่ง Server ยังไม่รู้ว่า Client ได้รับแล้ว ก็ยิงมาซ้ำ ๆ อีก ส่วนอีกปัญหาหนึ่งจะเป็นของ Line กับ GChat บางที คือ เห็นว่ามี Notification มาแล้ว แต่พอไปเปิดไป App เอง กลับไม่เห็นข้อความใหม่ คาดว่าเป็นปัญหาของตัว App ที่ไม่ยอมไป query Server ตัวเองเอาข้อมูลมาใหม่ ต้องปิดโปรแกรมทิ้งแล้วเปิดใหม่ ถึงจะเห็นข้อความ

สรุป ชอบมากคือ แบต ตัวเครื่อง กล้อง ความลื่น แอพหลักของโทรศัพท์ โดยรวม ๆ แล้ว ก็ค่อนข้างพอใจ และคิดว่ตัดสินใจถูกแล้ว ที่ย้ายมาจาก Android